สวัสดีค่า วันนี้เราจะมาพูดถึงหนังเกี่ยวกับการสร้างหนังยุค 70s ที่หน้าปก หนังชนโรง อาจจะไม่ชวนดูจากความเชยหลายๆ อย่าง แถมตัวเนื้อเรื่องที่สร้างจากชีวประวัติของ Dolemite ก็ไม่ได้เป็นคนดังที่คนไทยรู้จักกันเลยสักนิด แต่ก็ต้องการันตีกันเลยว่า หนังมีความน่าสนใจเมื่อ “เอ็ดดี้ เมอร์ฟี่” กลับมาแสดง แถมเป็นบทที่เกือบหมือนกับชีวิตตัวเขาเองเสียด้วยซ้ำ
Dolemite Is My Name ภาพยนตร์แนว ชีวิตจริง Biography ของผู้กำกับ เครก บรูเออร์ นำแสดงโดย เอ็ดดี้ เมอร์ฟี่, เวสลีย์ สไนปส์, คีแกน-ไมเคิลได้มีเค้าโครงที่ได้สร้างจากเรื่องจริงของ Rudy Ray Moore รับบทโดยดาราเจ้าบทบาทผู้เข้าชิงรางวัลออสการ์ เอ็ดดี้เมอร์ฟี เป็นคนดังของยุค 70-80s และเป็นตำนานนักแสดงตลกตกอับพยายามหาวิธีเพื่อพิสูจน์ตนเองกลับมาโด่งดังในชื่อ “โดเลอไมต์” ซึ่งเป็นตัวตนสุดห่ามที่วางเดิมพันสำคัญเพื่อนำเสนอความสามารถสู่จอเงินอีกครั้ง
ภาพยนตร์เรื่องนี้นำเสนอเรื่องราวของ Rudy ก่อนจะมาเป็น “โดเลอไมต์” ที่ไม่ใช่เกิดจากโชคช่วยหรือพรสวรรค์ แต่มาจากพรแสวงอย่างหนักให้ผู้คนจดจำเขาได้ จากเดิมที่เขาเพียงพนักงานในร้านขายแผ่นเสียงธรรมดา ที่ใช้เวลาฝึกทำเพลงร้องเพลงหาทางให้คนรู้จัก แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จมาค่อนชีวิต ก่อนจะได้โอกาสทดลองเดี่ยวไมโครโฟนในผับที่เขาทำเป็นงานเสริมครั้งแรก และได้รับการตอบรับอย่างดี จนกลายเป็นจุดพลิกทำให้เขาเริ่มคิดไกลออกแผ่นเสียงขาย (เป็นยุคก่อนเทปคาสเซ็ตจะมาบูม) แม้จะหาทุนมาผลิตจนสำเร็จ แต่ก็ไม่มีร้านที่ไหนรับไปขาย เนื่องจากมุกที่เขาเล่นมันสัปดนเกินกว่าที่ร้านบนดินจะกล้าขาย สุดท้ายก็เลยตระเวณเปิดท้ายรถขายเอง แล้วก็ประสบความสำเร็จกลายเป็นงานอินดี้สุดฮิตในหมู่คนดำ จนค่ายเพลงสนใจเอาเขาเข้าสังกัด และก็ดังจนติดชาร์ทบิลบอร์ดจนได้ แต่ความฝันเขาไม่ได้หยุดแค่นั้น จากนักร้องแร็ปตลกเดี่ยวไมโครโฟนยุคแรกกลับฝันไกลไปยังวงการหนังฮอลลีวู๊ด ที่ซึ่งยุคนั้นคนผิวขาวยังมีอิทธิพลอย่างสูง เขาคิดสร้างหนังโดยเอาชื่อโดเลอไมต์มาใช้ทำเป็นมูวี่ แต่วงการนี้ไม่ง่าย งานสร้างหนังเรื่องนี้กลายเป็นการเดิมพันหมดตัวเพื่อทำฝันให้เป็นจริง
นี่เป็นเรื่องราวการไล่ตามความฝันของชายคนหนึ่ง ซึ่งทุกคนเคยบอกว่าเขาไม่ใช่ เขาเป็นไม่ได้ แม้แต่พ่อของเขาเอง แต่เขาไม่เคยย่อท้อต่อคำกล่าวเหล่านั้น และบุกเบิกสร้างทางให้ตัวเองมาตลอดชีวิตจนประสบความสำเร็จ และยังนำพาเพื่อนพ้องมาร่วมทีมสร้างฝันนี้ให้สำเร็จด้วยกันเป็นทีม แม้ว่าเขาจะไม่มีประสบการณ์ในการทำหนังเลยก็ตาม แต่ด้วยความเชื่อมั่นในมุมมองของตัวเองสุดโต่งว่า เนื้อเรื่องแนวแอ็กชั่น นักฆ่ากังฟูคนดำ+กองทัพกังฟูหญิง มันดี สนุก ฮา แบบที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน นี่จึงเป็นงานสร้างหนังอินดี้ที่ใส่ความเป็นตัวเองลงไปทั้งหมด ซึ่งในสายตาคนนอกมีแต่คนส่ายหน้า หนังไม่ได้รับการยอมรับจากสตูดิโอจัดจำหน่าย หรือแม้จากตัวผู้กำกับเรื่องนี้เองก็ตาม แต่ด้วยความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าว่าผลงานของตัวเองเจ๋งแน่นอน สุดท้ายความพยายามเขาก็ไม่สูญเปล่า และวงการฮอลลีวู๊ดก็ต้องหันกลับมาทบทวนว่าพลาดไปอย่างแรงกับหนังจากลูกบ้าของโดเลอไมต์คนนี้ หนังมีมุกแก๊กตลกในเรื่องที่เกิดจากโดเลอไมต์ดัดแปลงใส่ลงไปเอง โดยที่ผู้เขียนบทที่เขาดึงมาจากละครเวทีไม่ได้เขียนไว้ ซึ่งก็บ้าบอมากหลายๆ อย่าง เช่น ฉาก sex กับสาวผิวขาวจนห้องถล่มเพดานพังลงมา รวมถึงมุกตลกจากเส้นทางธุรกิจที่มาจากเรื่องจริงอย่าง สตูดิโอมาจากตึกร้างไม่มีไฟฟ้าใช้ ต้องขโมยไฟจากตึกข้างๆ มาแทน
นี่เป็นหนังที่ดูแล้วสร้างแรงบันดาลใจให้มีชีวิตไล่ตามฝัน แม้จะมีอุปสรรคมากแค่ไหน ขอแค่ไม่ท้อถอยสักวันก็มีโอกาสทำฝันให้เป็นจริงได้ และก็ไม่ต้องไปแคร์คนนอกที่มาวิจารณ์ความฝันของเรา หนังชีวประวัติ เรื่องนี้บอกเล่าถึงคนผิวสีตัวจ้อยหวังจะสร้างชื่อ เป็นที่ยอมรับด้วยการสร้างตัวตนเป็นพ่อเล้า ผ่านอุปสรรคและเรื่องราวสู้ชีวิต ชวนหัวด้วยมุกผรุสวาทแสนคล้องจองตามบุคลิกที่รูดี้สร้าง มาพร้อมกับการแสดงของ เอ็ดดี้ เมอร์ฟี่ และ เวสลีย์ สไนป์ ที่วาดลวดลายได้แพรวพราวมาก ๆ ค่ะ